0 การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 เพราะมีการค้นพบไฟฟ้าครั้งแรกของโลก ทดแทนการใช้เครื่องจักไอน้ำลดการใช้ถ่านหิน การผลิตทำได้เยอะขึ้นกว่าเดิมมากจนเปลี่ยนระบบการผลิตเป็นระบบโรงงาน เกิดการผลิตสินค้าคราวละมากๆ (Mass Production) สินค้าดี มีคุณภาพ ราคาไม่แพง เกิดกระแสบริโภคนิยมไปทั่วโลก Industry 3. 0 การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 เพราะอินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ในโรงงานต่างๆ เกิดสายการผลิตแบบอัตโนมัติขึ้น เป็นการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ในการผลิตแทนที่แรงงานมนุษย์มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยมีจุดประสงค์ก็เพื่อลดต้นทุนการผลิต Industry 4. 0 การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นการบูรณาการโลกของการผลิตเข้ากับการเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบ Internet of Things (IoT) ทุกหน่วยของระบบการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบ เครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ จุดเด่น คือ สามารถเชื่อมความต้องการของผู้บริโภคแต่ละรายเข้ากับกระบวนการผลิตสินค้าได้โดยตรง กล่าวคือ โรงงาน 4. 0 จะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละราย (Mass Customization) เป็นจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว สำหรับประเทศไทยนั้นต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการผลิตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ภาครัฐจะต้องหันมาสนใจต่ออุตสาหกรรม 4.
- บอกลา..เอกสาร "ตรีนุช" ใช้ "ระบบดิจิทัล" สร้างฐานข้อมูล เลื่อนวิทยฐานะครู
- "ไทยแลนด์ 4.0" คืออะไร ส่อง 5 กลุ่มอุตสาหกรรม นำเศรษฐกิจยุคใหม่ - All around AI Trends
- ข้าราชการไทย (หน้าหลัก) | สำนักงาน ก.พ. (OCSC)
บอกลา..เอกสาร "ตรีนุช" ใช้ "ระบบดิจิทัล" สร้างฐานข้อมูล เลื่อนวิทยฐานะครู
- การ นวด แผน ไทย voathai
- สาย ญาณ พญานาค
- ตากผ้านอกบ้านก่อนผัวจะลากไปเย็ด
- อาชีพ ไทย แลนด์ 4.0.5
- อาชีพ ไทย แลนด์ 4.0.0
- อาชีพ ไทย แลนด์ 4.0.3
- 2.อาชีพยุคไทยแลนด์4.0 - BTSK64
"ไทยแลนด์ 4.0" คืออะไร ส่อง 5 กลุ่มอุตสาหกรรม นำเศรษฐกิจยุคใหม่ - All around AI Trends
0" คืออะไร แล้วจะมีโอกาสใดในเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นมาบ้าง
********************
กำหนดโมเดลเศรษฐกิจใหม่
ดร.
3/5]
9 อาชีพเกิดใหม่ตามเทรนด์โลกยุค 4. 0 written by คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ) average rating 2. 3 / 5 - 99 user ratings
ข้าราชการไทย (หน้าหลัก) | สำนักงาน ก.พ. (OCSC)
16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7. 44 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3. 68 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 11. 92 ประกอบอาชีพข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 13. 20 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23. 20 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ อาชีพอิสระ ร้อยละ 14. 88 ประกอบอาชีพเกษตรกร ประมง ร้อยละ 13. 04 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 16. 48 เป็นพ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ ว่างงาน ร้อยละ 3. 60 เป็นนักเรียน นักศึกษา และร้อยละ 0. 08 ไม่ระบุอาชีพ
ตัวอย่างร้อยละ 12. 40 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 24. 00 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10, 000 บาท ร้อยละ 22. 16 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10, 001 – 20, 000 บาท ร้อยละ 12. 56 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20, 001 – 30, 000 บาท ร้อยละ 6. 72 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30, 001 – 40, 000 บาท ร้อยละ 11. 68 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40, 001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 10. 48 ไม่ระบุรายได้
ประสานสิบทิศ
นักบริหารมืออาชีพจำต้อง
เป็นบุคคลที่สามารถประสานงานกับ
หน่วยงาน หรือบุคคลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
สามารถไกล่เกลี่ยข้อกรณีพิพาทได้ และ
สามารถ ขจัดปัดเป่าปัญหา ต่างๆ
ในหน่วยงานได้ 7. มีจิตยืดมั่นในความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์
นักบริหารยุคนี้ต้องสร้างความสามุัคคึี
ปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน
องค์กร สังคม ชุมชน ประเทศชาติ 8. ผลักดันจูงใจเพื่อร่วมงาน
จำเป็นต้องมีบุคคลที่สามารถ
โน้มน้าวผลักดันหรือจูงใจเพื่อน
ร่วมงานให้เกิดความกระตือรือร้น
ในการทำงานและมี
ความรับผิดชอบต่องานสูง
ประเมินผลการปฏิบัติงานด้วย\
ความโปร่งใส ยุติธรรม
รู้จักให้การชมเชย ให้
รางวัลหรือบำเหน็จ ความชอบ 9. ทนทานต่อปัญหาและอุปสรรค
นักบริหารจะต้องมีความอดทน
อดกลั้นต่อปัญหาอุปสรรคที่กำลังเผชิญ
และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อการแก้ไขปัญหา
ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างสันติสุข
ไม่หนีปัญหาและไม่พอกพูนปัญหาไว้ 10. รู้จักยืดหยุ่นตามเหตุการณ์
นักบริหารมืออาชีพจะต้องรู้จักยืดหยุ่น
และอ่อนตัวตามเหตุการณ์นั้นๆ
ไม่ตึงเกินไปหรือไม่หย่อนเกินไป
บางครั้งก็ต้องดำเนินการในสายกลาง
แต่ในบางครั้งต้องมี ความเด็ดขาด
มีทั้งไม้เด็ดไม้นวมนั้นเอง 11.
0 นี้ ซึ่งได้แก่
1. การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving)
2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
3. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
4. การบริหารบุคคล (People Management)
5. การร่วมมือกับผู้อื่น (Coordinating with Others)
6. ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
7. การลงความเห็นและการตัดสินใจ (Judgement and Decision Making)
8. การใส่ใจความต้องการของลูกค้า (Service Orientation)
9. การต่อรอง (Negotiation)
10.